อุบัติเหตุทั่วไปในที่ทำงาน

แม้ว่าเราจะพยายามหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุมากแค่ไหน แต่อุบัติเหตุในที่ทำงานก็เกิดขึ้นได้ สถานที่ทำงานบางแห่งอาจมีความเสี่ยงมากกว่าสถานที่อื่นๆ เช่น สถานที่ก่อสร้าง แต่ก็มีอุบัติเหตุในที่ทำงานมากมายที่แสดงให้เห็นว่าอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่

อุบัติเหตุในที่ทำงานอาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บเล็กน้อยหรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรหากเกิดอุบัติเหตุในที่ทำงาน แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือเราควรพิจารณาที่จะลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ตัวอย่างอุบัติเหตุในที่ทำงานอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของอุตสาหกรรมและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งอุตสาหกรรมแต่ละประเภทมีอันตรายที่แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของการทำงาน เช่น การผลิตที่พนักงานต้องสัมผัสใกล้ชิดกับเครื่องจักรกลหนักย่อมมีอันตรายมากกว่าการทำงานเอกสาร เมื่อมีการประเมินความเสี่ยงในสถานที่ทำงานก็จะทำให้สามารถระบุอันตรายในการทำงาน ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในการลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ ต่อไปนี้คือตัวอย่างอุบัติเหตุในที่ทำงาน

ลื่น สะดุด และตกจากที่สูง

การลื่นล้ม สะดุดล้ม สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในร้านอาหารที่มีผู้คนพลุกพล่าน หรือแม้แต่การทำงานที่บ้าน การลื่นอาจทำให้เกิดการกระแทกเล็กน้อยในสำนักงาน หรือทำให้เกิดการตกจากที่สูงในสถานที่ก่อสร้างอย่างรุนแรง การตรวจสอบให้แน่ใจว่าทางเดินสะอาดและปราศจากสิ่งกีดขวางใดๆ และมีการทำเครื่องหมายแสดงความเป็นอันตรายให้เห็นอย่างชัดเจน เช่น พื้นเปียกระวังลื่น สามารถช่วยหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในที่ทำงาน จากการลื่นล้ม สะดุดล้ม และการตกจากที่สูงได้ 

อุบัติเหตุจากไฟไหม้และไฟฟ้า

ความปลอดภัยจากอัคคีภัยถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของนโยบายด้านความปลอดภัย แผลไหม้สามารถเกิดขึ้นได้จากการประกอบอาชีพทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นในร้านอาหารหรือโรงแรมที่ต้องทำงานกับน้ำเดือด หรือแม้แต่ในร้านทำผมที่มีอุปกรณ์ เช่น เครื่องหนีบผม ก็สามารถทำให้เกิดแผลไหม้ได้เช่นกัน นี่เป็นตัวอย่างที่มีความรุนแรงน้อยกว่าอุบัติเหตุที่เกิดจากการทำงานกับไฟฟ้าหรืออันตรายที่เกิดจากไฟไหม้ โดยหากเป็นแผลไหม้เล็กน้อยสามารถรักษาได้อย่างรวดเร็วและจะหายเองได้ แต่ในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ อันตรายจากการเผาไหม้และการสูดควันเข้าไปอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตหรือถึงแก่ชีวิตได้ นี่คือเหตุผลที่สถานที่ทำงานทุกแห่งควรมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ได้รับการแต่งตั้งและควรตรวจสอบทางหนีไฟเป็นประจำรวมถึงตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ป้องกันและระงับอัคคีภัยต่างๆ ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

แผลถูกตัดและแผลฉีกขาด

อุบัติเหตุในที่ทำงานอาจมีตั้งแต่บาดแผลเล็กๆ ที่ไม่ต้องใช้การรักษาอะไรมากไปกว่าการใช้พลาสเตอร์ ไปจนถึงการฉีกขาดที่รุนแรงมากและการถูกตัดแขนขา สำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้เครื่องจักรกลหนักหรือยานพาหนะในการทำงาน มีความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น พนักงานในภาคการผลิตมีแนวโน้มที่จะประสบอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสอันตรายในที่ทำงานมากกว่าพนักงานที่ทำงานเอกสาร เนื่องจากงานของพวกเขาเกี่ยวข้องกับเครื่องจักร อุปกรณ์ เช่น เครื่องตัดเลเซอร์หรือเครื่องผสมอาหาร พนักงานในภาคอาหารและเครื่องดื่มใช้มีดเป็นประจำซึ่งอาจส่งผลให้มีการตัดเฉือนได้ และแม้แต่วิชาชีพในสำนักงานที่ใช้เครื่องตัดกระดาษก็สามารถถูกตัดได้แต่ความเป็นอันตรายอาจจะแค่เล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับคนที่ต้องทำงานกับเครื่องจักรที่มีใบมีดขนาดใหญ่

อุบัติเหตุจากเครื่องจักร

อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรในที่ทำงานมักเกิดขึ้นบ่อยที่สุดในโรงงานและโกดังซึ่งมีการใช้เครื่องจักร รวมถึงรถยกและรถลากพาเลททุกวัน แม้จะมีการฝึกอบรมที่เหมาะสมและบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างดี อุบัติเหตุก็ยังเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจเกิดจากข้อผิดพลาดของผู้ใช้หรือปัญหาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น สิ่งกีดขวางที่ขัดขวางเส้นทาง เดินรถหรือการขาดแคลนพนักงานทำให้เพิ่มแรงกดดันต่อยอดผลผลิต การมีระบบการทำงานที่ปลอดภัยสามารถช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้เช่นเดียวกับการดูแลรักษายานพาหนะและอุปกรณ์ทั้งหมดให้สอดคล้องกับกฎระเบียบด้านความปลอดภัย

การสัมผัสสารเคมี

มีความเสี่ยงหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการทำงานกับสารเคมี สารเคมีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง แผลไหม้จากสารเคมีอย่างรุนแรง หรือโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด สารเคมีบางชนิดยังเป็นสารก่อมะเร็งซึ่งสามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ อุบัติเหตุในสถานที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอาจเกิดขึ้นจากการจัดการสารเคมีอย่างไม่ถูกต้อง การติดฉลากที่ไม่เหมาะสม และการรั่วไหลของสารเคมี พนักงานควรได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ที่ถูกต้องและการจัดการสารเคมีทั้งหมด และควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี

การทำงานกับสารเคมีต้องทำตามกฎหมายโดยละเอียดเกี่ยวกับการใช้สารเคมีในที่ทำงาน เนื่องจากมีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น

อุบัติเหตุในที่ทำงานเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และอุบัติเหตุเองก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก รายการตัวอย่างอุบัติเหตุในที่ทำงานมีมากมายรวมถึงสาเหตุด้วย อุบัติเหตุเหล่านี้เป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุดในที่ทำงาน แต่เนื่องจากประเภทของธุรกิจและความแตกต่างของอุตสาหกรรม อันตรายที่ถูกระบุไว้ในการประเมินความเสี่ยงจะแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยจึงมีความเฉพาะเจาะจงสำหรับอุตสาหกรรมแต่ละประเภท

นอกจากการจัดให้มีการอบรมตามลักษณะงานขององค์กรที่มีความเสี่ยงต่างๆแล้ว ยังมีตำแหน่งที่ช่วยในการดูแลความปลอดภัยขององค์กรที่ครอบคลุมทั้งในด้านของฝั่งลูกจ้าง และนายจ้างคือตำแหน่ง คณะกรรมการความปลอดภัยฯในการทำงาน หรือที่เรียกสั้นๆว่า คปอ. ที่จะช่วยกันสนับสนุนการทำงานขององค์กรให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยผู้ถูกแต่งตั้ง ยังไม่สามารถทำงานได้เลยในทันที แต่ต้องผ่านการอบรมคปอ มาก่อน

การป้องกันไม่ให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

การคำนึงถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในที่ทำงานอาจเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะอุบัติเหตุมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือรุนแรง จำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการจัดระบบสุขภาพและความปลอดภัยที่เหมาะสม รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานที่เกี่ยวข้องกับอันตรายตามประเภทของการทำงาน ความเสี่ยงจะลดลงมากหากทุกคนรู้ทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยในงานที่ทำอยู่ เพื่อให้พนักงานและสถานที่ทำงานมีความปลอดภัย จำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงเพื่อกำหนดมาตรการป้องกัน ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยในการหยุดยั้งอุบัติเหตุในที่ทำงานไม่ให้เกิดขึ้น