ประโยชน์ของ สถานีล้างตา ประเภทต่าง ๆ

สถานีล้างตาแบบต่อท่อประปา

สถานีล้างตาแบบท่อประปาเป็นอุปกรณ์ติดตั้งถาวรที่เชื่อมต่อกับแหล่งน้ำประปา โดยทั่วไปจะพบในสถานที่ทำงานประจำ

เช่น ห้องปฏิบัติการหรือโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการจัดการวัสดุอันตรายเป็นประจำ สถานีเหล่านี้ได้รับการออกแบบเพื่อให้น้ำไหลอย่างต่อเนื่องและทันทีเพื่อการล้างตาที่รวดเร็วที่สุด

อุปกรณ์ล้างตาแบบพกพา

อุปกรณ์ล้างตาแบบพกพาเป็นชุดอุปกรณ์แบบครบวงจรที่บรรจุน้ำยาล้างตาแบบฆ่าเชื้อ มีข้อได้เปรียบในสถานที่ห่างไกลหรือสถานที่ที่ไม่มีน้ำประปา อุปกรณ์ล้างตาเหล่านี้มักใช้ในสถานที่ก่อสร้าง สถานที่วิจัยภาคสนาม หรือพื้นที่ทำงานชั่วคราว ความจุของอุปกรณ์พกพาจะแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปได้รับการออกแบบมาให้สามารถชำระล้างได้ภายใน 15 นาที ซึ่งเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับการชำระล้างการปนเปื้อนในดวงตาอย่างมีประสิทธิภาพ

สายฉีดชำระแบบฉุกเฉิน

สายฉีดชำระแบบฉุกเฉินมีความหลากหลายและสามารถใช้เป็นทั้งเครื่องล้างตาและล้างร่างกายได้ สถานีเหล่านี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการล้างตา ใบหน้า และบริเวณลำตัวขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว มักติดอยู่กับซิงค์หรือสถานีล้างตาในห้องปฏิบัติการ และเหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ไม่จำเป็นต้องมีสถานีล้างตาเต็มรูปแบบ แต่จำเป็นต้องมีพื้นที่สำหรับการล้างตาในทันที

สถานีล้างตาแบบครบวงจร

ยูนิตรวมมีทั้งอ่างล้างตาและฝักบัวนิรภัย ได้รับการออกแบบมาสำหรับสถานที่ทำงานที่อาจสัมผัสกับสารเคมีอันตรายที่อาจส่งผลต่อทั้งดวงตาและร่างกาย สถานีเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับความต้องการในการชำระล้างการปนเปื้อนอย่างครอบคลุม โดยสามารถล้างตาได้ทันทีและสามารถชำระล้างสิ่งปนเปื้อนออกจากร่างกายได้

สถานีล้างตาที่ดีควรเป็นอย่างไร

• เส้นทางที่ชัดเจน : เส้นทางไปยังสถานีล้างตาหรือสถานีล้างตา/หน้าจะต้องไม่มีการปิดกั้นและปลอดภัย เพื่อให้เข้าถึงได้รวดเร็วและไม่มีอุปสรรค
• การล้างพร้อมกัน : สถานีนี้จะต้องล้างตาทั้งสองข้างพร้อมกัน ตรงตามมาตรฐานที่กำหนดใน ANSI/ISEA Z358.1-2014 (Section 5.1.8)
• การไหลของน้ำอย่างอ่อนโยน : การไหลของน้ำจะต้องได้รับการควบคุมและไม่เป็นอันตรายหรือแรงเกินไป (Section 5.1.1) เพื่อให้การล้างที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
• การป้องกันหัวฉีด : หัวฉีดและน้ำยาชะล้างควรได้รับการปกป้องจากสิ่งปนเปื้อน และเปิดใช้งานได้ง่ายโดยไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม (Section 5.1.3)
• อัตราการไหลและระยะเวลา : ยาล้างตาต้องส่ง 0.4 แกลลอนต่อนาที (gpm) เป็นเวลา 15 นาที; การล้างตา/ใบหน้าต้องใช้ 3 gpm ในช่วงเวลาเดียวกัน
• ข้อกำหนดด้านความสูง : อุปกรณ์ควรควรอยู่เหนือพื้นระหว่าง 33 นิ้ว (83.8 ซม.) ถึง 53 นิ้ว (134.6 ซม.) (Section 5.4.4) เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีความสูงต่างๆ
• พื้นที่ว่างรอบศีรษะ : ต้องมีระยะห่าง 6 นิ้ว (15.3 ซม.) จากสิ่งกีดขวางรอบหัวหัวฉีด (Section 5.4.4)
• การทำงานของวาล์ว : วาล์วควรเปิดภายใน 1 วินาทีและเปิดไว้แบบแฮนด์ฟรีจนกว่าจะปิดโดยตั้งใจ (Section 5.1.4, 5.2)
• หัวขับ : ทั้งแบบแมนนวลหรือแบบอัตโนมัติจะต้องค้นหาและใช้งานได้ง่าย (section 5.2)
• อุณหภูมิของน้ำ : อุณหภูมิควรอยู่ภายใน 60–100 °F (16–38 °C) เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกสบายและปลอดภัย
• ป้ายที่มองเห็นได้ : ป้ายควรมองเห็นได้ชัดเจนและมีแสงสว่างเพียงพอเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานในกรณีฉุกเฉิน

เทคนิคการใช้สถานีล้างตาอย่างมีประสิทธิภาพ

• รู้ว่าอยู่ที่ไหน : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณรู้ว่าสถานีล้างตาอยู่ที่ไหนในพื้นที่ทำงานของคุณ
• ใช้ทันที : หากมีสิ่งที่เป็นอันตรายเข้าตา ให้ไปที่สถานีล้างตาทันที
• เริ่มต้นทันที : เรียนรู้วิธีเปิดสถานีล้างตาให้คล่องแคล่ว มักทำได้ง่าย เช่น การดันคันโยกหรือการดึงที่จับ
• ถ่างตาไว้ : ใช้นิ้วของคุณเพื่อถ่างตาขณะกำลังล้าง
• ล้างออกเป็นเวลา 15 นาที : ล้างตาเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที อย่ารีบหยุดล้างเนื่องจากของเสียบางอย่างต้องล้างนานจึงจะออก
• เอียงศีรษะ : เอียงศีรษะเพื่อให้น้ำไหลจากหน้าผากลงไป เพื่อไม่ให้สารเคมีไหลย้อนกลับเข้าตา
• ไปพบแพทย์ : หลังจากใช้สถานีล้างตาแล้ว ให้ไปพบแพทย์ แม้ว่าคุณจะรู้สึกโอเคก็ตาม
• อย่าขยี้ตา : การขยี้ตาอาจทำร้ายดวงตาได้มากกว่า อย่าทำระหว่างหรือหลังการล้างน้ำ

สุดท้ายนี้ การดำเนินการในด้านความปลอดภัยในสถานประกอบการเพื่อให้มีผลสำเร็จและมีความสำคัญอย่างยิ่งนั้น ต้องมีการรับรองและสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้บริหารขององค์กร เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจและปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดอย่างเหมาะสม

การอบรม คปอ. และบริหารจัดการด้านความปลอดภัยมีบทบาทสำคัญในการสร้างทัศนคติที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในองค์กร ผู้บริหารที่ได้รับการอบรมอย่างเพียงพอจะมีความเข้าใจในความสำคัญของความปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อการสร้างและรักษาสถานการณ์ที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานทั้งภายในและภายนอกองค์กรได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น การให้การอบรมและบริหารจัดการด้านความปลอดภัยต้องเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบุคลากรและสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีการใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยอย่างสูง